(ที่มารูป http://www.openbase.in.th/node/7956)
การละเล่นทายโจ๊ก
ที่มา
โจ๊กปริศนามีจุดกำเนิดเกิดขึ้นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครประมาณสมัยรัชกาลที่ ๔ หรือต้นรัชการที่ ๕ในรูปแบบของ โคลงทาย หรือการถามด้วยปริศนาทีขึ้นต้นด้วยคำว่า อะไรเอ่ย … คล้ายกับการเล่น ผะหมี ของจีนจนกระทั่งมาพัฒนาเป็น ปริศนากวี ที่จังหวัดชลบุรีเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๘ แต่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่า โจ๊ก
วิธีการเล่น
การเล่นทายปริศนาเป็นการเล่นเพื่อทดลองภูมิปัญญาซึ่งกันและกัน เป็นการเล่นที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ฝึกให้ผู้เล่นรู้จักใช้ความสังเกต ความคิด และเชาวน์ปัญญาในการแก้ปัญหา การเล่นปริศนาของไทยนั้นได้แก่ ปริศนา อะไรเอ่ย ตัวอย่างเช่น
อะไรเอ่ย ต้นเท่าครกใบปรกดิน??????????????????????? คำเฉลยคือ ตะไคร้
อะไรเอ่ย ต้นเท่าแขนใบแล่นเสี้ยว ต้นเท่าขาใบวาเดียว???? คำเฉลยคือ อ้อย / กล้วย
อะไรเอ่ย สูงเทียมฟ้า ต่ำกว่าหญ้านิดเดียว?????????????? คำเฉลยคือ ภูเขา
อะไรเอ่ย หีบขาวใส่ผ้าเหลือง คนทั้งเมืองไขไม่ออก?????? คำเฉลยคือ ไข่
การทายโจ๊ก หรือ โจ๊กปริศนา คือปริศนาร้อยกรอง ที่ฝึกสมองประลองปัญญาผู้เล่นทุกคน กล่าวคือ ปริศนาร้อยกรองดังกล่าว จะเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ หรือ กลอนก็ได้ ซึ่งปริศนา 1 ชุด จะมี 4 บรรทัด 4 คำตอบ โดยจะเรียกว่า “4 บาท” โดยทุกคำตอบจะมีความสัมพันธ์กัน อุปกรณ์การเล่นทายโจ๊ก จะประกอบด้วย ฆ้อง กริ่งไฟฟ้า และ กลอง ซึ่ง นายโจ๊ก หรือ ผู้จัดทำ จะเป็นผู้เตรียมไว้อยู่แล้วทุกคำตอบของโจ๊กปริศนา ทั้ง 4 คำตอบ จะมีความสัมพันธ์กัน ปัจจุบัน รูปแบบที่นิยมมีทั้งหมด 10 รูปแบบ ดังนี้
1). พ้องคำเดี่ยว เป็นธงโจ๊กที่มีคำเฉลยเป็นคำเดียวพยางค์เดียวเหมือนกันทั้งชุด (เช่น เกลือ กลัว เกลอ กลอง)
2). พ้องคำหน้า เป็นธงโจ๊กที่มีคำเฉลยที่มีพยางค์เท่ากันทั้งชุดตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไปและคำหน้าเหมือนกันทุกคำตอบ (เช่น น้ำเต้า น้ำใจ น้ำค้าง น้ำยา)
3). พ้องคำหลัง เป็นธงโจ๊กที่มีคำเฉลยที่มีพยางค์เท่ากันทั้งชุดตั้งแต่ 2 พยางค์ขึ้นไปและคำสุดท้ายเหมือนกันทุกคำตอบ (เช่น สองใจ หัวใจ จิตใจ รวมใจ)
4). พ้องคำกลาง เป็นธงเจ๊กที่มีคำเฉลยที่มีพยางค์เท่ากันตั้งแต่ 3 พยางค์ขึ้นไป และคำกลางเหมือนกันทุกคำตอบ (เช่น แก๊งสามช่า ตราสามดวง ม่วงสามหมอก หอกสามสี)
5). คำผัน เป็นธงโจ๊กที่คำเฉลยมีพื้นฐานมาจากคำเดี่ยวเสียงยาว บังคับด้วยไม้เอกไม้โทไม้ตรีและไม้จัตวา (เช่น เสือ เสื่อ เสื้อ)
6). คำผวน เป็นธงโจ๊กที่มีคำเฉลยที่มีจำนวนพยางค์เท่ากันตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป โดยเมื่อผวนแล้วจะได้คำตอบที่ถูกต้องในบาทนั้นๆ (เช่น นีรา-นารี นีวา-นาวี นีดา-นาดี นีคา-นาคี)
7). คำสุภาษิต พังเพย เป็นธงโจ๊กที่ไม่จำกัดพยางค์ก็ได้เพราะยึดถือ คำตอบตามสุภาษิต พังเพยที่เห็นอยู่ในสังคม (เช่น ปอก กล้วย เข้า ปาก)
8). คำพันหลักแบบลูกโซ่ เป็นธงโจ๊กที่บังคับจำนวนพยางค์ให้เท่ากันทุกบรรทัด ตั้งแต่ 2 คำหรือ 2 พยางค์ขึ้นไป เอาคำสุดท้ายของคำตอบแรกมาเป็น คำแรกของคำต่อไปจนครบทุกบรรทัดจะเห็นความเกี่ยวเนื่องกันไปเหมือนลูกโซ่ (เช่น แม่น้ำ น้ำพริก พริกไทย ไทยรัฐ )
9). คำตัดคำต่อ เป็นธงโจ๊กที่ต้องแก้ปริศนาหลายชั้นมากที่สุดมีหลักเกณฑ์เดียว คือต้องมีเหตุผลในการให้คำตอบ เพียงแต่อ่านปริศนาให้เข้าใจก่อนจะดีปัญหาเป็น รูปธรรม (เช่น มา มาลา มาลาคำ มาลาคำจันทร์, มา มาร มารยา มารยาท)
10).โจ๊กภาพ สามารถเอาแบบทั้ง 9 แบบ 14 อย่างมาเขียนเป็นภาพให้ทายกันได้ ยิ่งเป็นคำผวน คำผันยิ่งเขียนได้อีกหลายภาพ ถ้าเป็นการเล่นของเด็กนักเรียน ก็มีการผสมคำอีกต่างหาก (เช่น ในรายการเวทีทอง)
สถานที่จัดเล่น
อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี